ประวัติความเป็นมาของถ้ำเวียงแก โดยย่อ
ถ้ำเวียงแก “ เวียง ’’ หมายถึง
เมือง “
แก ” หมายถึง เก่าแก่
ในหมู่บ้านนี้มีถ้ำอยู่ จำนวน 5 ถ้ำ
1.ถ้ำเวียงแก 2. ถ้ำผาหมี
3. ถ้ำผาผึ้ง 4. ถ้ำค้างคาวเหนือ 5.
ถ้ำค้างคาวใต้ ในสมัยก่อนถ้ำเวียงแกแห่งนี้มีพระฤษีดาบส มาบำเพ็ญศีลภาวนาด้วยกัน 3
องค์
1. พระชินะดาบส
บำเพ็ญศีลอยู่ 40 พรรษา
2. พระกาวีดาบส บำเพ็ญศีลอยู่ 16 พรรษา
3. พระอาจารย์หม่อน กิตติวงค์
บำเพ็ญศีลอยู่ 10 พรรษา
พระอาจารย์หม่อน กิตติวงศ์ เป็นคนบ้านหัวเวียง อ.เมือง
จ. น่าน ท่านเข้ามาอยู่เมื่อ พ.ศ.2470 ท่านได้บอกญาติโยมที่มาทำบุญว่า
ถ้ำเวียงแกแห่นี้เป็นถ้ำที่มีของวิเศษ
มีบ่อน้ำทิพย์ หว่านทิพย์ และสัตว์ป่ามากมาย อีกทั้งยังมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์ เป็นถ้ำที่เหมาะสมการบำเพ็ญศีลภาวนามาก หลังจากพระอาจารย์ หม่อน กิตติวงศ์ ได้ออกจากถ้ำเวียงแกแห่งนี้ไป เมื่อประมาณ
พุทธศักราช 2504 หลังจากนั้นเป็นต้นมา ระยะเวลาได้ประมาณ 35 ปี
ไม่ มีพระองค์ ไหน
เข้ามาอยู่ภาวนาศีลอีกเลย จนเมื่อปี พ.ศ.2531 ได้มีพระอาจารย์หลวงเจริญ อภิวณฺฑโณ
ได้เข้ามาอาศัยบำเพ็ญศีลอยู่ที่ถ้ำเวียงแกแห่งนี้ และต่อมาอีก
6 เดือน ได้มีพระก่อเกียรติ ขันติธมโม
ติดตามมาอยู่ด้วย
จากนั้นหลวงพ่อเจริญและพระก่อเกียรติ
ได้พัฒนาถ้ำแห่งนี้เป็นที่ปฏิบัติธรรมทางศาสนา และเป็นที่พักผ่อน ย่อนใจของหมู่บ้าน และบ้านใกล้
เรือนเคียง และต่อมาได้พัฒนาเป็นสถานที่ท่องเทียว ในปี
พ.ศ.2541 พร้อมได้สร้างศาลพระแม่กวนอิน มหาโพธิ์สัตว์ และอาศรมหลวงพ่อเจริญ อภิวณฺฑโณ
ในเมื่อ พ.ศ.2543 เป็นต้นมา
ประวัติความเป็นไปมาของหมู่บ้านถ้ำเวียงแก หมู่ที่ 1
ตำบลนาไร่หลวง
แต่เดิมคนเฒ่าคนแก่ได้อพยพย้ายมาจากประเทศจีนลงมาอยู่ประเทศลาว
อยู่ได้นานราวอายุ 1 ช่วงคน (พ.ศ.
2361) ราวปี พ.ศ.2461 นายแสนสุวรรณ
แซ่ท้าว อายุได้ 22
ปีในขณะนั้นได้อพยพย้ายจากเมืองหลวงพระบาง
ประเทศลาวเข้ามาอยู่เมืองไทย
เริ่มมาตั้งบ้านอยู่ที่บ้านปางแก
ตำบล และ อำเภอทุ่งช้าง อยู่ได้
2 ปี ก็อพยพย้ายไปสร้างบ้านใหม่ที่บ้านขุนอ้าว
ตำบลและ อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่าน เป็นต้นมา ในสมัยนั้นนายแสนสุวรรณ
แซ่ท้าว เป็นผู้ใหญ่บ้าน ต่อมาเมื่อปี
พ.ศ. 2497-2498 นายแสนสุวรรณ ได้นำญาติพี่น้องอพยพย้ายจากบ้านขุนอ้าว ไปตั้งหมู่บ้านใหม่ที่ขุนน้ำมีด ตำบลและ
อำเภอทุ่งช้าง จังหวัดน่านจำนวน 15 หลังคา
อยู่ได้ 2 ปี
ต่อมาเมื่อปี
พ.ศ.2500 นายแสนสุวรรณ
ได้ย้ายออกจากบ้านขุนน้ำมีดลงมาอยู่ที่บ้านถ้ำเวียงแก จำนวน 6
หลังคาเรือน
สมัยนั้นขึ้นต่ออำเภอทุ่งช้าง
หลังจากนั้นราษฎรต่างถิ่น ทยอยอพยพเข้ามาอาศัยอยู่เพิ่มเป็น 10 หลังคาเรือน
ต่อมาส่วนที่ค้างอยู่ที่บ้านขุนน้ำมีดก็อพยพไปอยู่ที่ ดอยหู และได้ตั้งเป็นหมู่บ้านชั่วคราวขึ้น ปัจจุบัน ดอยหู เป็นพื้นที่
บ้านน้ำสอด อำเภอทุ่งช้าง
ต่อมา พ.ศ.
2507 ได้มีญาติพี่น้องกลุ่ม พ่อเลายี
แซ่ท้าว ได้ อพยพมาจากบ้านขุนอ้าวมาสมทบเพิ่ม และอีกส่วนหนึ่งย้ายมาจากบ้านกิ่วก้อ ประเทศลาว
ซึ่งในช่วงนั้นทางอำเภอทุ่งช้างได้ประกาศ
เป็นหมู่บ้านทางการ
โดยนายแสนสุวรรณ แซ่ท้าว
เป็นผู้ใหญ่บ้านคนแรก
หลังจากนั้นก็มีญาติพี่น้องต่างถิ่นได้อพยพมาเพิ่มเลื่อยๆเป็นจำนวนมากขึ้นเป็นลำดับ ในช่วงหลังได้ตั้งเป็นกิ่งอำเภอเชียงกลางขึ้น ต่อมาเป็นอำเภอเชียงกลาง
และแยกเป็นกิ่งอำเภอสองแคว เมื่อปี พ..ศ.
2535 และ
ต่อมาได้ยกฐานะเป็นอำเภอสองแคว
ในปี พ.ศ. 2540 จนถึงปัจจุบัน
หมู่บ้านถ้ำเวียงแกแบ่งออกเป็นหมู่ 2หมู่บ้าน เมื่อปี พ.ศ.2546 ในเดือนพฤศจิกายน 2546
หมู่บ้านเดิมชื่อ บ้านถ้ำเวียงแก
หมู่ที่ 1
แยกออกเป็นบ้านผาหมี หมู่ที่ 10 ต.
นาไร่หลวง อ. สงแคว จ.น่าน
ประชากรส่วนใหญ่
เป็นเชื้อชาติชาวเขาเผ่าม้ง
สัญชาติไทย นับถือศาสนาผี ,
พุทธ
ใช่บ้างครับ
ตอบลบแต่ไม่ใช่ทั้งหมด
ไว้มีเวลาจะรวบรวมให้
นี่แหละกูเกิล
รูปภาพไนถำ..เวียงเเก.ที่เแนพนะฤษีทำมั๊ยม่ายนำมาเผบเเพร่หั้ยสังคมทราบ
ตอบลบขอนูปภาพถพเวียงเเกเเลัภาพเขียนก่อนปนะวัตศาสตร์
ตอบลบยังมีถ้ำอีกที่หนึ่งไม่รู้ว่าเป็นหนึ่งในห้าถ้ำนี้รึป่าว แต่เชื่อว่าคงไม่มีใครเคยเข้าแน่นอน สมัยเป็นเด็กพ่อเคยพาเข้าไป ลงจากปากถ้ำไปต้องใช้บันใดลงไป ลึก 6-7 เมตรได้จากนั้นจะมีทางแคบๆ สูงไม่ถึงเมตรคลานเข้าไปสักเมตรได้ จะเป็นโพรงใหญ่หลายโพรง เดินไปเรื่อยๆจะมีอยู่โพรงหนึ่งรุปร่างคล้ายประตูสูงสักสองเมตรได้ คือจะเป็นผนังถ้ำตั้งเรียบบนเป็นรูปโค้งแบบครึ่งวงกลมพื้นดินเรียบสะอาดยาวสัก 6-7 เมตร เหมือนมีคนทำความสะอาดตลอดแต่ที่ตรงนั้นไม่มีคนแน่นอน พอเดินไปอีกนิดจะมีถ้ำใหญ่ลึกมีลมพักแรงมาก สันนิฐานว่าข้างในน่าจะมีน้ำตกอยู่เพราะลมที่พัดขึ้นมาสามารถดับเทียนได้ จะว่าลมมาจากข้างนอกก็ไม่ใช่เพราะอยู่ใต้ดินลึกลมข้างนอกไม่สามารถเข้าได้แน่นอน นี่เป็นอีกถ้ำหนึ่งของบ้านถ้ำเวียงแก แต่คงไม่มีใครเคยรุ้แน่นอน
ตอบลบ